บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2018

เพาเวอร์แอมป์ คลาส ต่างๆ

รูปภาพ
1.Sedona SA-495 คลาสAB Sedona SA-495 คลาสAB (ด้านใน) Sedona SA-495 คลาสAB (ด้านด้านอก)      รุ่นนี้เป็นเพาเวอร์แอมพ์  CLASS AB  มีกำลังขับต่อเนื่อง 85 วัตต์x4 บริดจ์โมโนได้ 225 วัตต์x2 ที่ความต้านทาน 4 โอห์ม และเพิ่มเป็น 125 วัตต์x4 ที่ความต้านทาน 2 โอห์ม วัดที่แรงดันไฟเท่ากัน 13.8 โวลท์      เกนปรับแรงดันสัญญาณอีเลคทรอนิค ครอสส์โอเวอร์ ปรับได้ที่ 20-5,000 HZ พร้อมสวิทช์เลือกเล่น FULL/HPF/LPF สำหรับชุดหลังเพิ่มบูสต์เบสส์ 0-12 ดีบีมาให้ ทั้งนี้ยังได้แยกส่วนสวิทช์เลือก FULL/HPF/LPF      เพาเวอร์แอมป์รุ่นนี้มีความไวอินพุท  0.2-12  โวลท์ เนื่องจากว่ามีทั้งโลว์อินพุท และไฮเลเวลอินพุทให้เลือกต่อเล่นกัน ความถี่ตอบสนอง 20-30,000 HZ ค่าความเพี้ยนรวม 0.08 % แชนแนลเซพาเรชัน 50 ดีบี เรื่องคุณภาพเสียง      เสียงร้องสดชัด ชิ้นดนตรีมีตำแหน่งชัดเจน แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดในการถ่ายทอดสัญญาณ ทำได้ดี จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ได้เลย -----------------------------------------------------------------------...

เทคนิคการจอดรถเทียบแบบง่ายๆ

รูปภาพ
เทคนิคการจอดรถเทียบแบบง่ายๆ ลองเอาไปทำดูกัน 1. อันดับแรกคือต้องหาช่องจอดที่กว้างพอสำหรับรถคุณ ช่องจอดที่เหมาะสมควรจะมี ความยาวมากกว่ารถ คุณประมาณ 25% หรือควรมีระยะห่างด้านหน้าและหลังรวมกันมากกว่า 1 เมตรขึ้นไป (ตรงนี้ต้องอาศัยคุ้นเคยกับตัวรถเป็นสำคัญ) ถ้าไม่มั่นใจให้เผื่อระยะห่างไว้ยิ่งเยอะยิ่งง่ายต่อการเข้าจอด เมื่อได้ช่องจอดที่ต้องการแล้วให้ขับรถผ่านช่องจอดไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จนท้ายรถคุณจะอยู่ในแนวเดียวกันกับรถคันหน้า และควรเว้นระยะห่างด้านข้างประมาณ 2 ฟุตเพื่อความปลอดภัย (ควรเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวในฝั่งที่เราจะจอดเพื่อให้รถคันหลังได้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น) 2. จากนั้นค่อยๆ ถอยหลังมาจนกึ่งกลางของรถคุณอยู่ตรงกับช่วงท้ายของรถคันหน้า ซึ่งถ้ามองจากในรถให้ใช้เสา B เป็นตัวกะระยะให้อยู่ประมาณซุ้มล้อหลังของรถคันหน้านั่นเอง…จังหวะนี้เราสามารถตั้งลำในลักษณะเอียงหัวรถออกเล็กน้อยประมาณ 45% ได้เพื่อให้ถอยจอดได้ง่ายขึ้น ถ้าที่มีพื้นที่พอหรือดูแล้วไม่มีรถวิ่งผ่านมา 3. จากนั้นให้เลื่อนรถถอยหลังอย่างช้าๆ พร้อมหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางเดียวกับช่องที่จะจอด เช่น ช่องจอดอยู่ฝั่งซ้ายก็ให้...

การบำรุงรักษาแบตเตอรี่

รูปภาพ
การบำรุงรักษาแบตเตอรี่ แบตเตรี่รถยนต์ แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานจากปฏิกิริยาทางเคมี  เป็นพลังงานไฟฟ้า  ประกอบด้วย -          เปลือกหม้อที่ผลิตจากวัสดุที่บอบบาง -          แผ่นธาตุประกอบด้วยแผ่นตะกั่วบริสุทธิ์  และแผ่นตะกั่วอ๊อกไซด์  มีแผ่นฉนวนกั้น ระหว่างแผ่นธาตุ -          น้ำยา  หรือ  Electrolite  ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำกรดกำมะถันกับน้ำกลั่น  ให้ได้  ถพ.  ตาม ที่ต้องการประมาณ  1,250 สรุปแล้วแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่บอบบางแต่ราคาแพง   หากไม่ได้รับการเอาใจใส่หรือบำรุงรักษาให้ถูกวิธี  ก็จะทำให้อายุการใช้งานสั้น  ไม่คุ้มค่า  เนื่องจากชำรุดเสียหายได้ง่ายจากการกระทบกระแทกของแข็ง  หรือใช้งานผิดวิธี ข้อควรระวัง 1.     ...

ปัญหาที่ไฟเอนจิ้นโชว์

รูปภาพ
ปัญหาที่ไฟเอนจิ้นโชว์ บนหน้ามีดังนี้ ไฟ engine - การเปลี่ยนอ็อกซิเจนเซ็นเซอร์ สามาถทำให้ไฟโชว์ได้ - การเปลี่ยนหม้อพักแคทาไลติคคอนเวอร์เตอร์  สาเหตุนี้ทำให้ไฟ engine โชว์ได้ - การเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิดและหัวเทียน - การปิดฝาถังน้ำมันเชื้อเพลิงไม่แน่นเวลาเข้าปั้มเติมน้ำมัน - การเปลี่ยนเทอร์โมสตัท - การเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิด - การถอดหรือเปลี่ยนเซ็นเซอร์วัดมวลอากาศ - การเปลี่ยนสายหัวเทียนและหัวเทียน - การเปลี่ยนวาล์วระบบควบคุมไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง - การเปลี่ยนโซลินอยด์ระบบควบคุมไอระเหยน้ำมันเชื้อเพลิง

รถยนต์คันแรกของโลก

รูปภาพ
รถยนต์คันแรกของโลก      ก่อนช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม ยานพาหนะของผู้คนในสมัยนั้น ยังคงอาศัยแรงของสัตว์ เช่น รถม้า หลังจากมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ได้มีการประยุกต์ใช้แรงดันไอน้ำมาขับเคลื่อนเป็นยานพาหนะแบบใหม่ที่ไม่ต้องอาศัยแรงของสัตว์ ในปี ค.ศ. 1886 คาร์ล เบนซ์ (Karl Benz) วิศวกรชาวเยอรมันได้สร้างรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เพลิงเผาไหม้คันแรกของโลกได้สำเร็จ (Benz Patent Motorwagen) โดยใช้โครงสร้างแบบลูกสูบเหมือนของเครื่องจักรไอน้ำ เพียงแต่ได้เพิ่มอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนเชื้อเพลิงในรูปของเหลวให้กลายเป็นก๊าซ และเพิ่มวาล์วไอดีไอเสีย ในรูปแบบของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ (ปัจจุบันรถยนต์ใช้ระบบเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน) เครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงในยุคแรกๆ นั้น ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง ต่อมา ปี 1897 รูดอล์ฟ ดีเซล พยายามคิดค้นพลังงานอื่นมาใช้กับเครื่องยนต์ จนสำเร็จเป็นเครื่องยนต์ดีเซล      ประเทศไทยเริ่มมีรถยนต์ใช้ในช่วงปี พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...

13 ปัญหายอดฮิต ในเครื่องเสียงรถยนต์

1. เสียงหวีด เสียงกวน ขณะเหยียบคันเร่ง ?      การเดินสายสัญญาณที่ถูกต้องควรหลีกเลี่ยงให้ห่างจากสายไฟในรถยนต์ ในกรณีที่ต้องเดินสายสัญญาณจากวิทยุ หรือพรีแอมพ์ไปเพาเวอร์แอมพ์ที่ท้ายรถ ถ้าจะให้ถูกต้องให้เดินสายสัญญาณให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือติดตั้งเพาเวอร์แอมพ์ไว้ใต้เบาะนั่งก็เป็นกลเม็ดอย่างหนึ่งที่ร้านค้า/ช่างนิยมใช้กัน โดยเฉพาะการติดตั้งในรถที่มีเนื้อที่จำกัด      อาการของเสียงหวีดเป็นอีกกรณีหนึ่งของเสียงรบกวนที่เกิดจากไดชาร์จ (ALTERNATOR) เพราะการเดินสายสัญญาณที่ใกล้กับไดชาร์จ หรือสายแบทเตอรี ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นได้ ข้อควรปฏิบัติคือ หลีกเลี่ยงการเดินสายไฟใกล้กับไดชาร์จ หรือเดินให้ห่างที่สุด แต่ถ้าเดินสายสัญญาณห่างจากไดชาร์จ หรือสายแบทเตอรีแล้ว แต่ยังมีปัญหาเสียงหวีด เสียงกวนออกทางลำโพง โดยเฉพาะในขณะเหยียบคันเร่ง ปัญหานี้น่าจะเกิดจากอีกสาเหตุหนึ่งคือ การต่อสายกราวน์ดลงตัวถังไม่ถูกต้อง วิธีที่ถูกต้องในกรณีที่มีเพาเวอร์แอมพ์มากกว่า 1 ตัว ให้ต่อสายกราวน์ดของเพาเวอร์แอมพ์ลงตัวถังรถที่จุดเดียวกัน และให้สายกราวน์ดมีความสั้นที่สุด -------------...

อะไรคือ HI-END มาดูความหมายกัน..?

รูปภาพ
     กล่าวถึงกันมากในวงการนักเล่นเครื่องเสียง คำที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือ เครื่องเสียงระดับ HI-END และการเล่นเครื่องเสียงแบบ AUDIOPHILE แต่ละแบบอย่างของการเล่น มีแนวทางปฏิบัติอย่างไร มีข้อเหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหน ที่สำคัญนักเล่นเครื่องควรเล่นเครื่องเสียงรถยนต์แบบใด เพื่อเป็นการเสียเงินไปอย่างคุ้มค่า ได้มาซึ่งชุดเครื่องอันไพเราะตรงความต้องการ        อะไรคือ  HI-END        การเล่นเครื่องเสียงแนวทางนี้ นั้นว่ากันด้วยเรื่องราคาเป็นหลัก ราคาของเครื่องเสียงระดับนี้มักจะสูง เป็นรุ่นหรือซีรี่ย์ระดับบน เป็นเครื่องที่ผู้ผลิตมักจะนำมาเป็นต้นแบบ ผลิตจำนวนไม่มาก เพราะใช้วัสดุและเทคโนโลยีระดับสูง ประกอบกันราคาอุปกรณ์ที่สูง มีจำนวนนักเล่นไม่กว้างเล่นกันอยู่เฉพาะกลุ่ม เครื่องเสียงระดับนี้นักเล่นสามารถมั่นใจได้ว่า จะได้คุณภาพเสียงที่ดี เพราะมากจากความตั้งใจของผู้ผลิต ที่จะสรรค์สร้างเครื่องเสียงเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงดีที่สุด และเมื่อนำอุปกรณ์คุณภาพสูงหลายๆชิ้นมาประกอบเข้าเป็นชุดเครื่องเสียง ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับนั...

คลื่นความถี่ย่านสำคัญ กับปฎิกริยาทางการได้ยิน

รูปภาพ
           แม้ว่าเราจะทราบกันดีว่า ย่านคลื่นเสียงที่หูมนุษย์ได้ยินนั้น อยู่ในช่วง 20Hz ถึง 20,000Hz หากแต่ในแต่ละช่วงคลื่น จะมีปฎิกริยาทางการได้ยินแตกต่างกัน ดังนั้น...เราจึงควรศึกษาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อการปรับตั้งเสียงด้วยอุปกรณ์ใดๆ อาทิ ปรีแอมป์, อีควอไลเซอร์ ฯลฯ ให้ปรากฏคุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด ซึ่งมีด้วยกันดังต่อไปนี้ SUB-BASS (คลื่นความถี่ช่วง 20Hz - 40Hz)      เป็นช่วงคลื่นที่ให้ความรู้สึกทางผิวสัมผัส ดังนั้นหากจะทำให้ได้ยิน จะต้องในพลังงานจำนวนมาก และต้องใช้ตัวขับเสียงที่มีคุณภาพสูง (ใช้เพาเวอร์แอมป์กำลังขับสูง และซับวูฟเฟอร์ที่มีค่า Fs ที่เฮิร์ทต่ำมาก) BASS BAND (คลื่นความถี่ช่วง 40Hz - 160Hz)      เป็นช่วงคลื่นของเสียงกลองกระเดื่อง และกีต้าร์เบส ใช้ตัวขับเสียงที่เรียกกันว่า “วูฟเฟอร์ หรือซับวูฟเฟอร์” ในการผลิตคลื่นในช่วงนี้ เป็นช่วงคลื่นที่ก่อให้เกิดน้ำหนักเสียง และจังหวะนำในเสียงเพลง UPPER BASS BAND (คลื่นความถี่ช่วง 160Hz - 300Hz)      เป็นช่วงคลื่นของเสียง ท...

แอมป์วัตต์สูง VS แอมป์วัตต์ต่ำ

รูปภาพ
แอมป์วัตต์สูง VS แอมป์วัตต์ต่ำ โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ           มีท่านนักเล่นเครื่องเสียง (ทั้งรถและบ้าน)ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาท้วงติง จากบทความเดือนที่แล้วที่ผมแนะนำให้เล่นเพาเวอร์แอมป์กำลังขับสูงที่สุดเท่าที่จะซื้อไหว เพื่อนำมาขับลำโพงกลาง, แหลม, ผมก็พูดไปหลายหน้า ท่านนักเล่นท้วงว่า จากประสบการณ์ของเขา แอมป์วัตต์ต่ำดีๆเสียงน่าฟังกว่าแอมป์วัตต์สูงๆ คำแนะนำของผมจะทำให้นักเล่นหลงทางหรือเปล่า           ผมก็ขอโอกาสอธิบายไขข้อข้องใจในบทความนั้น ประเด็นหลักคือผมเน้นการเล่นเพาเวอร์แอมป์ที่สุดไว้ขับลำโพงกลาง/ทุ้ม+ลำโพงแหลม เพื่อให้ได้เสียงทุ้มอิ่มลึกทรงพลังได้โดยแทบไม่ต้องเพิ่มระบบซับวูฟเฟอร์ก็ได้ นั่นเป็นการเน้นการแทนที่ระบบซับ โดยเล็งที่พลังเสียงต่ำ ไม่ได้เน้นคุณภาพกลาง,แหลมสุดๆ อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้แนะนำให้ใช้เพาเวอร์แอมป์วัตต์สูงคุณภาพต่ำๆประเภทดังลูกเดียว อย่างน้อยคุณภาพต้องได้ด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับระดับซุปเปอร์ไฮเอนด์มาเล่น ขอให้อยู่ในระดับคุณภาพที่รับได้ ซึ่งตัวอย่างเพาเวอร์แอมป์  BOSTWICK ...